IMG_7489.jpeg

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นเลย มุกต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่เล็กๆที่มุกสร้างขึ้น และหวังว่าพื้นที่ตรงนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนที่สนใจศาสตร์ด้านจิตวิทยา หรือกำลังหาพื้นที่เยียวยาใจนะคะ มุกพยายามนำข้อมูลด้านจิตวิทยาที่เป็นประโยชน์มากลั่นกรองและสรุปเพื่อที่จะแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน พร้อมหาตัวช่วยดีๆในการดูแลสุขภาพจิต วางแผลนชีวิต หรือพัฒนาตนเอง มาแนะนำหรือแชร์ให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ


แนะนำตัวเองต่อเลยนะคะ ขอแบบสั้นๆไว้ด้านบน ถ้าใครสนใจอยากทำความรู้จักมุก และรู้ที่มาที่ไปว่ามุกมาทำงานสายอาชีพนี้ได้อย่างไร อ่านต่อด้านล่าง หลัง section นี้ได้เลยค่ะ

สวัสดีค่ะ มุกเป็นนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา จบจาก ABAC สาขา Counseling Psychology คณะ Human Science ค่ะ ทำงานด้านนี้มาประมาน 3 ปีแล้ว ชั่วโมงบินประมาน 1,000+ นิดๆค่ะ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เยอะมาก แต่ก็พอที่จะทำให้มุกเดินทางในสายงานนี้ต่อได้อย่างมั่นใจ

เทคนิคที่ใช้ในการดูแลผู้เข้ารับบริการไม่ได้อิงกับแค่ทฤษฏีไหนทฤษฏีเดียว แต่แน่นอนว่านักจิตทุกคนจะมักจะมี ‘ความถนัด’ ของตัวเอง ส่วนมุกถนักเรื่องการปรับความคิดและพฤติกรรมค่ะ (Cognitive Behavioral Therapy และ Rational Emotive Behavior Therapy) และด้วยความชอบส่วนตัวที่สนใจเรื่องการทำงานของสมองและร่างกายด้วย (Neuroscience & Biology) ทำให้มุกมักจะยกความรู้เหล่านี้มาเป็นหลักการในการให้คำแนะนำค่ะ

เพราะฉะนั้นขอให้ไว้วางใจได้ว่ามุกมีความรู้และเครื่องมือทางจิตวิทยาที่มีประสิทธิภาพและพร้อมที่จะทำงานเพื่อช่วยผู้เข้ารับบริการอย่างเต็มที่และสุดฝีมือ หากด้วยเหตุอันใด ปัญหาที่คุณกำลังเผชิญอยู่นั้น เกินความสามารถหรือขอบเขตการทำงานของมุก มุกพร้อมยินดีคืนเงินแล้วส่งคุณต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่สามารถดูแลคุณได้ดีกว่าความสามารถของมุกแน่นอนค่ะ


แนะนำตัวฉบับยาวเหยียด

มุกเป็นนักจิตวิทยาให้คำปรึกษาค่ะ ปีนี้ก็จะเข้าปีที่ 3 แล้วสำหรับการทำงานสายอาชีพนี้ ย้อนกลับไปเมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว ถ้ามีใครมาบอกว่าอนาคตมุกจะได้ไปเรียนต่อ ป. โท ด้านจิตวิทยา มุกคงจะไม่มีวันเชื่อคนๆนั้นเลยค่ะ ถ้าบอกว่าจะได้เป็นเซลล์ขายรถ ทำร้านอาหาร หรือรับช่วงต่อธุรกิจที่บ้าน ยังฟังดูเป็นอะไรที่เหมาะกับมุกมากกว่า อะไรก็ได้ที่ห่างไกลจากสายวิชาการมากที่สุด แต่แน่นอนว่าเหตุการณ์และประสบการณ์หลายๆอย่าง เหมือนมันก็ค่อยๆนำพามุกมายืนอยู่ที่ตรงจุดนี้

เหตุการณ์แรกเลยคงจะเป็นตอนช่วงวัยรุ่น มุกมีโอกาสได้ไปเรียนต่อ High school ที่ประเทศ Canada แถมไปแบบพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วย มุกไปอยู่เมืองเล็กๆที่ชื่อว่า Nanimo บนเกาะ Vancouver Island ซึ่งแถบจะไม่มีคนไทยเลย มันเลยยิ่งพลักดันให้มุกต้องเรียนรู้ภาษาให้เร็วที่สุด แล้วหนึ่งในสิ่งที่มุกเห็นเด็กวัยเดียวกับมุกทำบ่อยมากๆในเวลาว่าง ไม่ว่าจะตอนรอรถเมล์ นั่งกินข้าวคนเดียว หรือแค่ช่วงที่ไม่มีอะไรทำ คือการอ่านหนังสือ ซึ่งแปลกมาก เพราะตอนอยู่ไทย คอนเซป์ของการหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านคือเพราะจะต้องเอาเนื้อหาไปใช้ในตอนสอบเท่านั้น มันเลยทำให้มุกอยากลองหาหนังสือมาอ่านระหว่างรอ/นั่งรถเมล์ไปเรียนบ้าง

แต่ด้วยความที่ตัวเองก็ไม่รู้จะอ่านอะไร เลยเดินเข้าร้านหนังสือไปหยิบเล่มที่หน้าปกดูน่าสนใจที่สุด จ่ายเงิน แล้วเดินกลับไปซื้อ dictionary ด้วย จ่ายเงิน แล้วก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางของการเป็นนักจิตโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

หนังสือเล่มที่มุกเลือกชื่อ A mind of its own by Cordelia Fine ด้วยเหตุผลที่ว่า หน้าปกดูแปลกดี บนหน้าที่พื้นหลังเป็นสีขาว มีเก้าอี้สีดำ 2 ตัวหันหน้าเข้าหากัน ทางด้านขวามีผู้ชายใส่หูฟังถือรีโมทนั่งอยู่ ส่วนทางซ้ายมีแค่สมองใส่หูฟังและมีรีโมทอยู่ลอยอยู่เหมือนมีมือถือมันเอาไว้ ระหว่างนั่งรถเมล์กลับบ้าน มุกก็เริ่มค่อยๆเปิดทั้งหนังสือแล้ว dictionary อ่านแปลอ่านแปลไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหนังสือมันจะเกี่ยวกับอะไร แต่แปลกมาที่มุกวางไม่ลง เหมือนเนื้อหาในหนังสือมันมีแรงดึงดูดที่มุกสู้ไม่ได้ดึงมุกไว้ อาจจะเพราะเทคนิคการเขียนของคุณ Cordelia ที่ทำให้อ่านง่าย ใช้ภาษาเป็นภาษาพูด ไม่น่าเบื่อ แถมยังมีอ้างอิงถึง Freud ด้วยตั้งแต่บทแรก ทำให้มุกถึงกับต้อง Google search เลยว่า Freud คือใคร Psychology คืออะไร

หลังจากนั้นคำว่านักจิตวิทยาก็เหมือนแอบซ่อนอยู่ในหัวมุกมาตลอด มุกเริ่มหาหนังสือด้านจิตวิทยาอ่านมากขึ้น ฟังนักจิตวิทยาใน youtube อยู่เรื่อยๆ จนช่วงที่ต้องเลือกสายวิชาที่อยากเรียนช่วงจะเข้ามหาวิทยาลัย ที่ทำให้มุกต้องวางหนังสือจิตวิทยาลงแล้วหันกลับมาคิดเรื่องธุรกิจด้านอุตสาหกรรมของครอบครัวว่า มุกคงน่าจะต้องเรียนในด้านที่สามารถไปช่วยสานต่องานของที่บ้านได้ เลยเลือกที่จะเรียนด้านธุรกิจต่อ

ตัดภาพมาหลังเรียนจบ BBA ความรู้ในหัวเหมือนจะพอช่วยแค่ให้เราเข้าใจ concept หรือ framework ของการทำธุรกิจแบบคร่าวๆ แต่ไม่สามารถที่จะนำความรู้ตรงนี้ไปลงทุนทำธุรกิจได้เองจริงๆ ปัจจัยหลักๆเลยคืออาจจะเพราะมุกความสามารถไม่ถึงเองก็ได้นะคะ ไม่ได้โทษมหาวิทยาลัยหรืออาจารย์นะ

การทำงานต่อกับธุรกิจครอบครัวของที่บ้าน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีเลยคือ ระบบหลายๆอย่างถูกวางไว้เกือบจะสมบูรณ์อยู่แล้ว แล้วเข้ามาถึงตำแหน่งก็มีให้โดยไม่ต้องแสดงความสามารถก่อน เมื่อเทียบกับการเข้าทำงานบริษัทคนอื่นที่เราต้องมีความสามารถตามที่เค้าต้องการเท่านั้น